วิธี เลือกซื้อ case คอมพิวเตอร์ desktop pc ให้เหมาะสม

หลายๆ คนที่กำลังคิดที่จะ ซื้อ คอมพิวเตอร์ PC ซักเครื่องนึง โดยเฉพาะเครื่องประกอบเครื่อง มักมองข้ามความสำคัญของ case คอมพิวเตอร์ desktop PC ไปอยู่เสมอ และมักจะไม่ให้ความสนใจในการเลือกซื้อ case คอมพิวเตอร์ มากเท่าไรนัก แต่ที่จริงแล้ว case ที่ทำหน้าที่ในการรวบรวมเอาอุปกรณ์ hardware คอมพิวเตอร์ มารวมเก็บไว้ในที่เดียวกันทั้งหมดนั้น มีส่วนสำคัญในการทำให้ คอมพิวเตอร์ desktop PC ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ เป็นอย่างมาก นั่นเป็นเพราะทำหน้าที่ในการระบายอากาศ ลดความร้อนที่เกิดจากการใช้งาน คอมพิวเตอร์ เป็นระยะเวลานาน ซึ่งส่งผลให้ คอมพิวเตอร์ ทำงานได้ดีตลอดเวลา

ยิ่งการระบายอากาศดีมากเท่าไร ก็จะทำให้ คอมพิวเตอร์ ใช้งานได้ไหลลื่น ไม่พบกับปัญหาอื่นๆ ที่จะตามมา หากการระบายอากาศ คอมพิวเตอร์ PC ไม่ดีพอ เช่น ปัญหาเครื่องร้อนผิดปกติ, CPU ไหม้, พัดลมเสีย, RAM พัง เป็นต้น ครับ

ในบทความนี้ ผมจึงอยากจะมาแนะนำวิธีเลือกซื้อ case คอมพิวเตอร์ desktop PC ให้ถูกต้อง และเหมาะกับการใช้งานของคุณครับ

เลือกซื้อ case คอมพิวเตอร์ desktop PC

ช่องระบายอากาศ 

ช่องระบายอากาศมีความสำคัญอย่างมาก เพื่อทำให้ลมสามารถผ่านเข้า-ออก ได้ดี และระบายความร้อนที่อยู่เกิดจากการใช้งาน คอมพิวเตอร์ ให้ออกไปด้านนอกตัวเครื่อง ในทุกช่องระบายอากาศ ควรจะมีพัดลมติดตั้งไว้ เพื่อดึงเอาอากาศที่อยู่ภายนอกเครื่องเข้าไปด้านใน และไล่เอาลมร้อนออกมาด้านนอก 

ช่องระบายอากาศ ควรจะมีอยู่ทั้งด้านหน้า, ด้านหลัง ของคอมพิวเตอร์ หรือถ้าหากเป็นไปได้ ควรจะมีด้านบนด้วย หรือถ้าจะให้ดีมากยิ่งขึ้น ก็มีทางด้านล่างด้วย แต่ case ควรจะมีฐานรองด้วย เพื่อให้อากาศผ่านเข้าได้ 

case คอมพิวเตอร์ ที่ราคาแพงๆ มักจะมีช่องระบายอากาศ และพัดลมอยู่รอบทิศทาง ซึ่งเหมาะอย่างยิ่งสำหรับนักเล่นเกมส์ เพื่อระบายอากาศความร้อนที่เกิดจาก GPU

พื้นที่ของ case

พื้นที่ว่างใน case ก็มีส่วนสำคัญเป็นอย่างมาก นอกจากจะเป็นสิ่งกำหนดว่า คุณจะสามารถใส่ hardware อะไรเพิ่มเติมได้บ้างแล้ว ยิ่งพื้นที่ว่างมีเยอะ ก็จะทำให้การระบายอากาศ ภายในดีมากกว่า เคสที่เหลือพื้นที่ใช้งานน้อย เพราะถูกวาง hardware ประเภทต่างๆ เข้าไปบังช่องทางลมทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น hard disk หรือ GPU เป็นต้น 

ยิ่งคนที่ต้องการ ซื้อ คอมพิวเตอร์ มาเพื่อเล่นเกมส์ หรือใช้งานหนักๆ ควรจะเตรียมพื้นที่ว่างใน case เอาไว้บ้าง เพราะ GPU บางตัวอาจจะยาวถึง 30 cm และต้องใช้พัดลมขนาดใหญ่ในการระบายอากาศด้วย 

การเดินสายภายใน

หาก case มีขนาดไม่ใหญ่มาก การเดินสายเชื่อมต่อ อุปกรณ์ hardware คอมพิวเตอร์ ทั้งหมด อาจจะไปขวางทางช่องระบายอากาศได้ คุณควรเลือก case ที่มีช่องทางให้สายเชื่อมต่ออยู่ได้ ปัจจุบัน case ราคาแพง มักจะมีช่องเตรียมไว้สำหรับเดินสายให้ด้วย ครับ

เลือกซื้อ case คอมพิวเตอร์ ให้เหมาะสม

ผมจะขอแบ่ง case ออกเป็น 3 ระดับ ซึ่งแบ่งตามคุณภาพ และราคาของ case ดังนี้ คือ Low-end, mid-end, high-end ลองมาดูกันว่า คุณควรจะเลือกซื้อเคส แบบไหนให้เหมาะสมกับการใช้งาน คอมพิวเตอร์ ของคุณครับ

1. Low-end

เป็นเคสที่คุณเห็นวางขายอยู่ตาม ร้านคอมพิวเตอร์ ทั่วๆไป มักติดมากับ Set คอมพิวเตอร์ จะมีขนาดมาตรฐาน ไม่ใหญ่มาก มีพื้นที่ที่จำกัด และมีช่องว่างสำหรับ วาง hardware เพิ่มเติม ได้อย่างจำกัด ไม่ว่าจะเป็นช่องเก็บ hard disk ลูกที่สอง หรือที่วางการ์ดจอ เป็นต้น

นอกจากนี้แล้ว มีช่องระบายอากาศ เพียงแค่ 1-2 จุดเท่านั้น ซึ่งการระบายอากาศจะไม่ดีมากๆ หากใช้เครื่องคอมพิวเตอร์หนักๆ เคสประเภทนี้จะเหมาะกับคนที่ใช้ คอมพิวเตอร์ สำหรับงานทั่วๆไป ไม่เปิด คอมพิวเตอร์ ต่อเนื่องเพื่อใช้งานตลอด 24 ช.ม. และไม่เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการเล่นเกมส์ ครับ

2. Mid-end

เป็น case มาตรฐาน ที่เพิ่มความสามารถของ low-end ให้มีมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น ช่องสำหรับเพิ่มเติม การ์ดจอ ที่ติดตั้งพัดลมเพิ่มเติม, มีพื้นที่สำหรับติดตั้ง hard disk ตัวที่ 2 หรือ 3, มีช่องระบายอากาศเพิ่มมากขึ้น และพัดลมอย่างน้อย 3 ตัว เป็นต้น เป็น case ที่เหมาะสมกับการใช้งานพวก multimedia ต่างๆ เช่น ใช้ในการดูหนังฟังเพลง, เปิดคาราโอเก๊ะ หรือใช้เป็น home media center หรือ home servers

หากต้องการติดตั้ง การ์ดจอเพิ่ม ก็จะสามารถเล่นเกมส์ หนักๆ ได้ดีมากขึ้น เหมาะสำหรับ คอมพิวเตอร์ ประจำบ้าน ที่มีคนหลายคนใช้งานร่วมกัน หรือ คอมพิวเตอร์ สำนักงาน ครับ

3. High-end

คุณเคยเห็น case ที่มีขนาดใหญ่ และรูปร่างบึกบึนแข็งแรง วางขายอยู่ตามพันทิพ น่ะครับ นั่นแหล่ะครับ คือ case ระดับ high-end จะมีขนาดใหญ่กว่าเคสมาตรฐานเยอะ มีพื้นที่ว่างมากมาย สำหรับเพิ่มเติม hardware คอมพิวเตอร์อื่นๆ ที่ต้องการ, มีพื้นที่ในการวางลากสายที่เป็นระเบียบ, ช่องระบายอากาศและพัดลมอยู่ในทั่วทุกทิศทาง ทำให้การระบายอากาศดีอย่างมาก

เคสคอมพิวเตอร์ ประเภทนี้ เหมาะสำหรับใช้งานเป็น เครื่อง server เก็บฐานข้อมูลในสำนักงาน, คอมพิวเตอร์ ใช้รันโปรแกรมหนักๆ และคอมพิวเตอร์ สำหรับการเล่นเกมส์ ที่ต้องใช้ GPU แรงๆ ข้อเสียอย่างเดียวของ case ประเภทนี้ คือ ราคาแพง ครับ

คงจะเห็นถึงความสำคัญของ เคสคอมพิวเตอร์ แล้วน่ะครับ ว่ามีส่วนอย่างไรในการทำให้ คอมพิวเตอร์ ของคุณ ทำงานได้ดี หน้าที่ของ เคสไม่ได้มีเฉพาะเป็นที่เก็บ hardware คอมพิวเตอร์ เท่านั้น แต่สิ่งที่สำคัญที่สุด คือ การระบายอากาศ ให้กับ คอมพิวเตอร์ นั่นเองครับ