About Me

รูปภาพของฉัน
สวัสดีครับ ผมชื่อต้อแต้ ชอบเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์ไอที เลยอยากแชร์ต่อให้เพื่อนๆครับ ^_^

Connect with Us

Business V 1.1 Blogger Template

This theme is the perfect blog for your company site on a professional blog. New Sidebar H2, New Style, Theme by My Blogger World

Image
bg-display-img

Popular Posts

วันพฤหัสบดีที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2557

ไฟแจ้งเตือนสีส้ม Canon ip1980



วิธีการดูอาการเสียของเครื่องพิมพ์ Canon ip1980 และรุ่นที่ใกล้เคียง จะต้องดูจากไฟแจ้งเตือนที่ตังเครื่องเนื่องจาก Canon ip1980 ไม่มีหน้าจอ LCD  การแจ้งเตือนของไฟสามารถแบ่งออกเป็น 2 แบบ คือ ไฟจะขึ้นที่ปุ่มพาเวอร์ ( สีเขียว ) และปุ่มยกเลิก Stop/Reset ( สีส้ม )  จะขึ้นส้มอย่างเดียว และขึ้นส้มสลับเขียว ในกรณีที่ขึ้นส้มอย่างเดียวให้นับจำนวนไฟกระพริบสีส้มว่าขึ้นกี่ครั้ง เช่น ไฟกระพริบส้ม 5 ครั้ง และเขียว 1 ครั้ง แสดงว่ารหัส Error คือ ไฟขึ้นส้ม 5 ครั้ง ไฟสีเขียวแสดงการหยุดกระพริบ ในส่วนของการกระพริบส้มสลับเขียวจะขึ้นสลับไปเลื่อยๆ เมื่อครบจำนวน จะหยุดและกระพริบใหม่
1.กระพริบ 2 ครั้ง กระดาษหมด หรือเครื่องไม่ดึงกระดาษใส่กระดาษเข้าไปใหม่ปรับความกว้างของช่องใส่กระดาษให้พอดีกับกระดาและกดปุ่ม Resume / Cancel ( ปุ่มข้างพาเวอร์ ) เพื่อเริ่มการพิมพ์ใหม่
2.กระพริบ 3 ครั้ง กระดาษติด
ปิดเครื่องพิมพ์ก่อนทำการแก้ไขเพื่อป้องกันไม่ให้เครื่องมีปัญหา วิธีการนำกระดาษออกจกาเครื่องให้ดูกว่ากระดาษดูดึงเข้าไปเยอะหรือไม่หากไม่เยอะให้ดึงย้อนออกทางช่องใส่ หากดึงเข้าไปเยอะแล้วควรจะดึงออกทางถาดกระดาษออก
3.กระพริบ 4 ครั้ง หมึกหมด
กดปุ่ม Resume /Cancel ( ปุ่มข้างๆพาเวอร์ ) ค้างไว้ประมาณ 10 วินาที เพื่อยกเลิกการตรวจสอบระดับหมึกของเครื่อง ต้องกด 2 ครั้ง ยอกเลิกตลับดำและตลับสี โดยกดเพียงครั้งเดียวต่อตลับจะกดอีกครั้งเมื่อเปลี่ยนตลับหมึกใหม่
4.กระพริบ 5 ครั้ง ตรวจไม่พบตลับหมึก หรือไม่รู้จักตลับหมึก
เปิดฝาเครื่องพิมพ์เพื่อนำตลับออกมาทำความสะอาดลายวงจรและใส่เข้าไปใหม่ หากทำความสะอาดแล้วยังเป็นอาการเดิมตลับอาจจะเสีย
5.กระพริบ 7 ครั้งตลับหมึกติดตั้งไม่ถูกต้อง
ตรวจสอบตลับหมึกว่าใส่ไว้ถูกต้องหรือไม่ หากติดตั้งไว้ถูกต้องให้ลองกดปุ่ม Resume/Cancel ค้างไว้ 10 วินาที  เพื่อยกเลิกการตรวจสถานะของหมึก
6.กระพริบ 8 ครั้ง แผ่นซับหมึกใกล้เต็มหรือเต็ม
ในกรณีที่ใกล้เต็มสามารถกดปุ่ม Resume / Cancel เพื่อใช้งานเครื่องพิมพ์ต่อไป ในกรณีที่เต็มแล้วต้องใช้โปรแกรมเครียร์เคาเตอร์ของเครื่องจึงจะใช้งานได้ครับ
7.กระพริบ 14 ,15 ครั้ง เครื่องพิมพ์ไม่รู้จักตลับหมึกหรือไม่สามารถตรวจสอบระดับหมึกได้
-กดปุ่ม Reseume / Cancel ค้างไว้ 10 วินาที เพื่อยกเลิกสถานะน้ำหมึกเพื่อเริ่มการพิมพ์
-นำตลับออกมาทำความสะอาดลายวงจรและใส่เข้าไปใหม่
8.กระพริบ 16 ครั้ง ไม่สามารถตรวจสอบระดับหมึกที่เหลือได้
กดปุ่ม Reseume / Cancel ค้างไว้ 10 วินาที เพื่อยกเลิกสถานะน้ำหมึกเพื่อเริ่มการพิมพ์

-------------------------
ที่มา - gapink.net

วันพุธที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2557

10 เรื่องน่าสนใจเกี่ยวกับเทคโนโลยีที่อยู่ใกล้ตัวคุณ


ในปัจจุบันเทคโนโลยีเป็นสิ่งที่อยู่ใกล้ตัวมากกว่าที่เราคิด อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อันทันสมัยก็เริ่มกลายเป็นของใช้จำเป็นสำหรับชีวิต ประจำวันเข้าไปทุกที ไม่ว่าจะเป็นโทรศัพท์มือถือ นาฬิกา หูฟัง หรือแม้กระทั่งกล้องถ่ายรูป เชื่อว่าอุปกรณ์แทบทุกชิ้นที่ยกตัวอย่างมา ทุกคนที่กำลังอ่านอยู่น่าจะมีใช้งานกัน "อย่างน้อย" คนละหนึ่งชิ้นอย่างแน่นอน ดังนั้น วันนี้เราจะมาสำรวจเทคโนโลยีใกล้ตัวของเราไปพร้อม ๆ กัน เพราะอุปกรณ์ใกล้ตัวเรานี่แหละ สามารถทำอะไรได้มากกว่าที่เราคิด
1. Smartphone อวัยวะลำดับที่ 33 ของทุกคน
           คนแทบทุกเพศทุกวัย ทุกสาขาอาชีพน่าจะต้องมีโทรศัพท์มือถือเป็นของใช้ประจำกายกันแทบทุกคน แต่รู้หรือเปล่าว่าสมาร์ทโฟนในยุคนี้ทำอะไรได้มากกว่าที่เราคิด ปัจจุบันเราสามารถพูดคุยกับมือถือของเรา สั่งงานด้วยเสียงได้โดยที่ไม่ต้องกดปุ่ม สมาร์ทโฟนใหม่ ๆ แทบทุกรุ่นมี GPS ติดตั้งในตัว เราสามารถใช้เป็นเครื่องมือนำทางได้ ล่าสุดมีการประยุกต์ใช้สมาร์ทโฟนให้กลายเป็นเครื่องมือนำทางของคนตาบอด โดยใช้ความสามารถของการสั่งงานด้วยเสียงและการระบุตำแหน่งด้วยระบบ GPS ไม่แน่ว่าในอนาคตอันใกล้ เมื่อเราอยากจะตัดสินใจอะไร เราอาจจะต้องหันมาพูดคุยปรึกษากับอวัยวะลำดับที่ 33 นี้ก็เป็นได้นะ

2. Bluetooth Headset เทคโนโลยีที่ซ่อนอยู่ข้างใบหู
           รู้หรือเปล่าว่าหูฟังชิ้นเล็ก ๆ นี้มีเทคโนโลยีมากมายที่ได้ถูกบรรจุเอาไว้ ไม่ว่าจะเป็นเทคโนโลยีในการตัดเสียงรบกวนรอบข้างที่จะช่วยให้การสนทนาของเรา เป็นไปอย่างราบรื่น ซึ่งมีเทคโนโลยีหลายรูปแบบที่ถูกออกแบบมาเพื่อการนี้โดยเฉพาะ เช่น การใช้ไมค์รับเสียงแบบพิเศษที่สามารถตรวจสอบคลื่นรบกวน เสียงลม เสียงรอบข้างที่ไม่ใช่เสียงพูดได้ หรือการใช้เซ็นเซอร์ในการตรวจจับการขยับของกล้ามเนื้อเพื่อใช้เป็นข้อมูล ประกอบการตัดสินใจในการตัดเสียงรบกวน นอกจากนี้หูฟังบลูทูธอย่าง Jawbone ยังสามารถลงแอพพลิเคชั่นเพื่อเพิ่มความสามารถ เพิ่มฟังก์ชั่นการทำงานได้อีกด้วย

3. Headphone นวัตกรรมเพื่อความบันเทิง
           รู้หรือเปล่าว่าเสียงคุณภาพดีที่ได้จากหูฟังแต่ละประเภทมีเทคโนโลยีระดับสูง ซ่อนอยู่มากมาย การออกแบบหูฟังตัวใหญ่ ๆ กับการออกแบบหูฟังแบบ In-Ear ก็จะใช้เทคโนโลยีที่แตกต่างกัน พื้นฐานของการออกแบบหูฟัง ก็คือการพยายามย่อขนาดส่วนประกอบต่าง ๆ ของลำโพงมาบรรจุไว้ในหูฟัง โดยรักษาระดับคุณภาพของเสียงไว้ให้ได้มากที่สุด ฉะนั้นหูฟังจึงมีหลายระดับราคา ในหูฟังราคาระดับหมื่นบาทนั้นภายในจะประกอบด้วยวงจรตัวขับที่ออกแบบอย่าง พิถีพิถัน เพื่อให้ได้เสียงร้องที่ชัดเจน เสียงเบสที่หนักแน่น ลองฟังเพลงเดิมด้วยหูฟังดี ๆ สักตัวดูสิ แล้วจะรู้ว่าความแตกต่างของคุณภาพเสียงเป็นอย่างไร

4. Watch เมื่อนาฬิกาเป็นมากกว่าเครื่องบอกเวลา
           ถามว่านาฬิกาเรือนนี้ "ทำอะไรได้บ้าง?" คงจะได้คำตอบมากมายเพราะนาฬิกาในยุคที่เทคโนโลยีก้าวกระโดดแบบนี้ เพราะมักมีฟังก์ชั่นการทำงานที่นอกเหนือจากความสามารถพื้นฐานอย่างใช้จับ เวลา หรือใช้บอกเวลาทั่วโลก นาฬิกาบางรุ่นสามารถเดินได้เองโดยไม่ต้องใช้ถ่านและยังคงความเที่ยงตรงไว้ ได้สมบูรณ์ 100% ซึ่งยากที่นาฬิกาแบบออโตเมติกรุ่นก่อน ๆ จะทำได้ หรือนาฬิกาที่ใช้เป็นโทรศัพท์ นาฬิกาที่ออกแบบมาเพื่อนักดำน้ำ นักปีนเขา หรือกิจกรรมเฉพาะด้าน ลองมองดูนาฬิกาที่เราสวมอยู่สิครับว่าทำอะไรได้บ้าง? มองดูแล้วอยากจะเปลี่ยนนาฬิกากันบ้างหรือยัง?

5. Tablet เมื่อความบันเทิงพกติดตัวไปได้ทุกที่
           ตั้งแต่แอปเปิลเปิดตัว iPad เราก็ได้เห็นพฤติกรรมและรูปแบบการใช้ชีวิตของคนในยุคดิจิตอลเปลี่ยนไปพอ สมควร และในตอนนี้ก็มีแท็บเล็ตออกมามากมายหลายรุ่นให้เลือกใช้งาน แต่จะมีสักกี่คนที่สามารถใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ? รู้หรือไม่ว่าเราสามารถเข้าไปศึกษาหรือเข้าเรียนคอร์สต่าง ๆ ของมหาวิทยาลัยชั้นนำในต่างประเทศแบบออนไลน์ได้ เราสามารถแก้ไขไฟล์เอกสารงานต่าง ๆ ได้ด้วยชุดแอพพลิเคชั่นออฟฟิศที่มีประสิทธิภาพโดยไม่ต้องพึ่งพาคอมพิวเตอร์ อีกต่อไป และถ้าเราเป็นผู้ที่ชื่นชอบความบันเทิงรูปแบบใหม่ ๆ เดี๋ยวนี้มีเกมบนแท็บเล็ตที่เราสามารถเล่นกับเพื่อน ๆ ที่ออนไลน์อยู่อีกฝั่งนึงของโลกได้แบบเรียลไทม์เลยทีเดียว

6. E-Reader เพื่อนคู่ใจหนอนหนังสือ
           หลายคนอาจจะไม่คุ้นเคยกับอุปกรณ์ E-Reader อย่าง Amazon Kindle หรือ Nook อุปกรณ์อ่านหนังสืออิเล็กทรอนิกส์คู่ใจหนอนหนังสือยุคไอที แต่ไม่ช้าก็เร็วเจ้า E-Reader จะเข้ามาแทนที่หนังสือเกือบ 100% อย่างแน่นอน รู้หรือเปล่าว่าเจ้าอุปกรณ์ชิ้นนี้ช่วยให้เราสามารถขนหนังสือเป็นพัน ๆ เล่มติดตัวไปได้โดยมีน้ำหนักไม่ถึงหนึ่งกิโลกรัม เทคโนโลยีที่ใช้ในการแสดงผลก็ให้รู้สึกในการอ่านที่ใกล้เคียงกับกระดาษอ่าน สบายตา และยังมีฟังก์ชั่นดี ๆ อย่างระบบ Note และ Bookmark ที่เราสามารถซิงค์ข้อมูลการอ่านของเราได้กับอุปกรณ์หลายตัว ทำให้สามารถอ่านหนังสือเล่มโปรดได้ทุกที่ทุกเวลาเลยล่ะ

7. Laptop เมื่อต้องพกคอมพิวเตอร์ติดตัวไปทุกที่
           ไม่ว่าเราจะทำงานในสาขาอาชีพอะไร เครื่องคอมพิวเตอร์ก็ดูจะเป็นสิ่งจำเป็นในการทำงานไปแล้ว และนับตั้งแต่วันที่แล็ปท็อปเครื่องแรกถือกำเนิดขึ้น ทำให้เราหอบหิ้วเครื่องคอมพิวเตอร์ไปได้ทุกที่ จนถึงวันนี้ก็มี Ultrabook ที่เป็นแล็ปท็อปดีไซน์บางเฉียบ มีน้ำหนักเบา พกพาสบายไม่เป็นภาระ แต่ยังคงไว้ซึ่งประสิทธิภาพระดับเดียวกับเครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องใหญ่ ๆ หรือแล็ปท็อปเครื่องหนัก ๆ ที่น่าสนใจคือแล็ปท็อปรุ่นใหม่เดี๋ยวนี้มีระบบรักษาความปลอดภัยทั้งแบบสแกน นิ้วมือและแบบจดจำใบหน้า มีหน้าจอการแสดงผลที่ละเอียดและแสดงผลได้สวยงามไม่แพ้จอรุ่นใหญ่ ๆ ในอนาคตอันใกล้เราคงจะได้เห็นการรวมกันระหว่างแท็บเล็ตและแล็ปท็อปก็เป็นได้

8. Compact Camera กล้องขนาดเล็กคุณภาพเกินตัว
           กล้องคอมแพคถือเป็นกล้องที่ขายดีที่สุด เพราะมีขนาดเล็ก พกพาสะดวก ราคาไม่แพง เมื่อก่อนการใช้งานกล้องคอมแพคก็เพียงเพื่อเก็บภาพประทับใจโดยไม่ได้คาดหวัง กับคุณภาพของภาพสักเท่าไร แต่รู้หรือเปล่าว่าในปัจจุบันเทคโนโลยีที่อยู่ในกล้องตัวเล็ก ๆ นี้ก้าวหน้าไปมาก กล้องคอมแพคสามารถโฟกัสใบหน้าคนได้อัตโนมัติ สามารถจดจำใบหน้าของคนที่เรารู้จัก และยังสามารถบันทึกพิกัดของสถานที่ที่เราเก็บภาพได้ด้วยระบบ GPS แถมยังสามารถส่งข้อมูลผ่าน WiFi เพื่อโอนหรือแชร์ภาพถ่ายได้ทันที และนวัตกรรมใหม่ที่เรียกว่า Mirrorless ซึ่งเป็นกล้องตัวเล็กที่สามารถเปลี่ยนเลนส์ได้ ก็ช่วยให้เราได้ภาพในระดับมืออาชีพเลยทีเดียว

9. GPS เพื่อนคู่ใจในการเดินทาง
           ไลฟ์สไตล์ของคนที่ชื่นชอบการท่องเที่ยวชอบการเดินทาง อุปกรณ์นำทางอย่าง GPS Navigator ก็คงจะเป็นอุปกรณ์คู่ใจที่ช่วยให้การเดินทางมีสีสันมากยิ่งขึ้น บางคนอาจจะใช้เพียงฟังก์ชั่นพื้นฐานเท่านั้น แต่รู้หรือเปล่าว่าอุปกรณ์ GPS ในสมัยนี้มีราคาที่ถูกลงมาก แถมมีฟังก์ชั่นการใช้งานที่เพิ่มขึ้น ไม่ว่าจะเป็นจุด POI ที่ครอบคลุมมากขึ้น ระบบการจับสัญญาณดาวเทียมเพื่อคำนวณพิกัดที่ดียิ่งขึ้น ลูกเล่นในการบอกเส้นทาง เช่น การแสดงภาพทางร่วมทางแยกต่าง ๆ เป็นรูปภาพพร้อมแสดงช่องจราจรให้เสร็จสรรพ ป้องกันการเข้าเลนผิดช่องในเมืองใหญ่ ๆ ที่ถนนพันกันเป็นเส้นก๋วยเตี๋ยวได้ดียิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังมีลูกเล่นของการพูดบอกเส้นทางเป็นภาษาต่าง ๆ ทั้งไทยและเทศ ไทยเหนือ ไทยอีสาน เสียงผู้ชาย เสียงผู้หญิง และลูกเล่นอีกมากมายที่จะช่วยให้การเดินทางเป็นเรื่องน่าสนุกมากยิ่งขึ้น

10. Handheld Game Console พกความสนุกไปทุกที่
           ในยุคดิจิตอลที่เกมและความบันเทิงเป็นของคู่กัน เครื่องเกมแบบพกพา จึงเป็นสิ่งที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย เครื่องเล่นเกมแบบพกพาอย่าง Nintendo DS, 3DS และ Sony PSP, Vita เป็นเครื่องเล่นเกมแบบพกพาที่อัดแน่นทั้งความบันเทิงและเทคโนโลยี แต่รู้หรือเปล่าว่าเครื่องเล่นเกมเครื่องเล็ก ๆ เหล่านี้ สามารถเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตเพื่อเล่น เกมออนไลน์ได้ และถึงจะมีหน้าจอเล็ก ๆ แบบนี้แต่ก็สามารถใช้ดูหนังฟังเพลงด้วยการแสดงผลภาพและเสียงที่ทำได้อย่างดี เยี่ยม นอกจากนี้ การเล่นเกมยังเพิ่มอรรถรสด้วยระบบสั่นสะเทือนในตัว สามารถเล่นเกมที่แสดงผลในแบบ 3 มิติได้ ทั้งยังมีเทคโนโลยีล่าสุดอย่าง AR (Augmented Reality) ที่พลิกโฉมรูปแบบในการเล่นเกมแบบพกพาไปอย่างสิ้นเชิง ใครที่ยังไม่ไม่เคยเล่น ลองหาโอกาสไปสัมผัสกันดูนะครับ


-------------------------
ที่มา - prthai.com

รหัสผ่านของคุณคาดเดาง่ายแค่ไหน และเทคนิคการตั้งรหัสผ่าน



แฮกเกอร์ใช้เวลานานเท่าไหร่ในการเจาะรหัสผ่านของคุณ!!

จากที่ได้แนะนำเทคนิคการตั้งรหัสผ่านอย่างไรให้มีความปลอดภัยไปแล้ว (อ่านบทความเทคนิคการตั้งรหัสผ่านให้ปลอดภัย) มายเทอร่า จะมากระซิบบอกว่า แฮกเกอร์นั้นสามารถใช้เวลาเท่าไร ในการได้รหัสผ่านของเรา จากการเดาสุ่มด้วยโปรแกรม

โดยเทคนิคการโจมตีเพื่อที่จะเอารหัสผ่านที่เรียก การแคร๊กพาสเวริด์ (Password Cracking) นั้นมีหลายวิธี ซึ่งวิธีการเดาสุ่มด้วยโปรแกรมแคร๊กนั้นจะค่อยๆ ถอดรหัส ส่วนระยะเวลาที่ใช้นั้นจะช้าจะเร็วก็ขึ้นอยู่หลายปัจจัยด้วยกัน เช่น
1.    รูปแแบบการตั้งรหัสผ่านว่ามีความซับซ้อนหรือไม่ (มีตัวเลข, ตัวเล็กตัวใหญ่ หรือ อักขระพิเศษ)
2.    จำนวนความยาวของรหัสผ่าน
3.    ความสามารถของโปรแกรมถอดรหัสและความเร็วของคอมพิวเตอร์

โดยมีการคำนวนกันไว้ว่าถ้าความเร็วในการถอดรหัสผ่านของโปรแกรมอยู่ที่ 1,000,000 รหัสต่อวินาที โดยถ้ารหัสผ่านมีความยาว 6 ตัวอักษรและประกอบไปด้วยอักษรตัวเล็กหมด อาจใช้เวลาไม่ถึง 5 นาที แต่ถ้ารหัสผ่านมีความยาว 8 ตัวอักษรขึ้นไปและมีตัวเลข, อัขระพิเศษนั้นอาจใช้เวลาถึง 229 ปีเลยทีเดียว

จะเห็นได้ว่าการตั้งรหัสผ่านที่ปลอดภัยนั้นช่วยให้ account มีความปลอดภัยได้มากเลยทีเดียว โดยท่านสามารถเข้าไปตรวจสอบความปลอดภัยและแข็งแรงของรหัสผ่านของท่านเองได้ที่ https://howsecureismypassword.net/ แต่อย่างไรก็ตามถึงจะมีรหัสผ่านที่มีความปลอดภัยสูงแล้ว ก็ควรจะเปลี่ยนรหัสผ่านใน account และ อย่าใช้รหัสอันเดียวกันทุก account ด้วย






ใครมี password เดียว ใช้ทุก account ยกมือขึ้น!!!

ณ ปัจจุบัน การตั้ง “รหัสผ่าน” เพื่อเข้าสู่การใช้งานของระบบนั้นมีมากมายหลากหลายรูปแบบ แต่รู้หรือไม่นั้นว่า “รหัสผ่าน” ที่เราๆ ใช้กันอยู่นั้น มีความปลอดภัยมากน้อยขนาดไหน ดังนั้น เราจะมาแนะนำเทคนิคการตั้งรหัสผ่านของเราให้มีความปลอดภัยเป็นอย่างดี

เริ่มแรก ต้องขอพูดถึงการตั้งรหัสผ่านในการใช้งานระบบต่างๆ ของคนทั่วไปในปัจจุบันก่อน ส่วนใหญ่จะนิยมตั้ง รหัสผ่านกันแบบ ง่ายๆ เช่น 123456 , test , 111111111 และสารพัดคำเดาง่ายทั้งหลาย แถมแต่ละรหัสผ่านใช้หมดทุกอันตั้งแต่ อีเมลล์, รหัสเข้าวินส์โดว์, เฟสบุ๊ค อาจรวมไปถึงการเข้าสู่ระบบของที่ทำงาน และอื่นๆ อีกมากมาย ทำให้มีความเสี่ยงต่อการถูกเดารหัสผ่านได้ง่ายมากยิ่งขึ้น 

ดังนั้น จึงมีวิธีการที่ใช้ในการตั้งรหัสผ่านที่น่าสนใจมาเล่าสู่กันฟัง โดยวิธีการนี้เป็นการแนะนำจาก วิศวกรรมมหาวิทยาลัย Stanford University ตั้งนโยบายการตั้งรหัสผ่านนี้ได้คำนึงถึงทั้งความปลอดภัยของตัวรหัสผ่านเอง และความง่ายในการจดจำสำหรับผู้ใช้งาน โดยยังคงทนทานต่อการถูกโจมตีเดารหัสผ่านได้เป็นอย่างดี

โดยในพื้นฐานของการออกแบบนโยบายในการตั้ง Password ครั้งนี้คือ ให้ความซับซ้อนของรหัสผ่าน แปรผกผันกับความยาวของรหัสผ่าน โดยแบ่งออกเป็น 4 ช่วงความยาวด้วยกัน ดังนี้

รหัสผ่านยาว 8-11 ตัวอักษร – ต้องประกอบด้วยตัวอักษรตัวเล็ก, ตัวอักษรตัวใหญ่, ตัวเลข และสัญลักษณ์เป็นอย่างน้อย
รหัสผ่านยาว 12-15 ตัวอักษร – ต้องประกอบด้วยตัวอักษรตัวเล็ก, ตัวอักษรตัวใหญ่ และตัวเลขเป็นอย่างน้อย
รหัสผ่านยาว 16-19 ตัวอักษร – ต้องประกอบด้วยตัวอักษรตัวเล็ก และตัวอักษรตัวใหญ่เป็นอย่างน้อย
รหัสผ่านยาวมากกว่า 20 ตัวอักษร – ต้องประกอบด้วยตัวอักษรตัวเล็กเป็นอย่างน้อย

โดยทางทีมงานวิศวกรเครือข่ายจากมหาวิทยาลัย Stanford University ได้แนะนำให้ตั้งรหัสผ่านตั้งแต่ 16 ตัวขึ้นไป เนื่องจากรหัสผ่านจะได้ประกอบด้วยตัวอักษรเล็กใหญ่เท่านั้น ทำให้ง่ายต่อการเข้าใช้งานผ่านอุปกรณ์พกพาต่างๆ ที่คีย์บอร์ดหลักจะประกอบด้วยตัวอักษรเท่านั้น นอกจากนี้เพื่อให้ง่ายต่อการจดจำแล้ว “แนะนำให้ใช้คำ 4 คำแบบสุ่มมาเชื่อมต่อกัน โดยมี สเปซ คั่นทุกๆ คำ” จะทำให้รหัสผ่านมีความยาวเพิ่มขึ้น ปลอดภัยยิ่งขึ้น และยังจำง่ายขึ้นอีกด้วย ทั้งนี้ใครจะนำข้อเสนอแนะนี้ไปแนะนำเพื่อนๆ ที่ออฟฟิส หรือ ญาติมิตร ก็ถือเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ เพราะง่ายต่อการนำไปใช้ และยังคงมีความปลอดภัยระดับหนึ่งอีกด้วย

สุดท้ายนี้ ถึงแม้เราจะทำการตั้ง รหัสผ่าน ให้มีความปลอดภัยแค่ไหน ก็ควรที่จะทำการเปลี่ยนรหัสผ่านทุกๆ 1 – 3 เดือน เพราะว่าใครจะไปรู้เกิดมี Hacker ได้ทำการรันโปรแกรมเดารหัสผ่านมั่วๆไปเรื่อยแล้วมันมาโป๊ะเช๊ะ กับรหัสผ่านของเรา หรือ อาจจะมีคนที่ใกล้ชิดแอบรู้ถึงรหัสผ่านของเราก็เป็นได้
-------------------------

วันอังคารที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2557

Apple ออกอัพเดท iOS 8.2 beta 3 ให้กับนักพัฒนาแล้ว ดาวน์โหลดไฟล IPSW ได้ที่นี่

Apple เพิ่งออกอัพเดท iOS 8.1.2 แก้ปัญหาเรื่องบั๊กเล็กน้อย และได้ทำการปิดไม่ให้ ดาวน์เกรด iOS 8.1.2 ไปเมื่อไม่นานมานี้ ล่าสุด Apple ปล่อยอัพเดท iOS 8.2 beta 3 build 12D5452a ให้กับนักพัฒนาแล้ว เน้นแก้บั๊กที่เกี่ยวข้องกับ WatchKit ชุดพัฒนาแอพบนApple Watch
สำหรับการอัพเดทในครั้งนี้ เน้นแก้บั๊กที่เกี่ยวข้องกับ WatchKit ชุดพัฒนาแอพบน Apple Watch ซึ่งอัพเดทในครั้งนี้ออกมาเร็วมาก คือหลังจากที่ได้ออก iOS 8.2 Beta 2 ไปเมื่อสัปดาห์ก่อน และคาดการว่า iOS 8.2 ตัวเต็ม น่าจะเปิดให้ผู้ใช้ทั่วไปอัพเดทได้ก่อนเปิดตัว Apple Watch ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 2015 นี้ครับ
สำหรับใครที่สนใจอยากดาวน์โหลดมาใช้งานสามารถดาวน์โหลดได้ตามลิ้งค์ด้านล่างครับ แนะนำว่าต้องเป็นนักพัฒนาเท่านั้น หรือเครื่องของท่านต้อง ลงทะเบียน UDID แล้วเท่านั้นไม่งั้นเครื่องจะติดล็อคนะครับ

ดาวน์โหลด iOS 8.2 beta 3 แบบไฟล์ IPSW

iOS 8.2 beta 3 for iPad

iOS 8.2 beta 3 for iPhone

iOS 8.2 beta 3 for iPod Touch


-------------------------
ที่มา - 1000tipsit.com


วันเสาร์ที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2557

ฟรี 6 โปรแกรม แต่งรูปภาพ ยอดนิยม แบบออนไลน์ ผ่าน web browser


ปัจจุบัน คุณแทบจะไม่ต้องหา โปรแกรม แต่งรูปภาพ อย่าง Photoshop มาติดตั้งใช้งานแล้ว เพราะมี online application สำหรับใช้ ตกแต่งรูปภาพ ให้สวยงามมากขึ้น มีให้เลือกใช้ฟรี อยู่มากมาย
โปรแกรม แต่งรูปภาพ ที่ผมจะแนะนำด้านล่างนี้ อาจจะเรียกง่ายๆ ว่าเป็น application แบบ online สำหรับใช้ในการ ตกแต่งรูปภาพ ให้สวยงามมากขึ้น บน คอมพิวเตอร์ โดยที่คุณไม่จำเป็นต้องติดตั้ง โปรแกรมใดๆ ทั้งสิ้น ลงไปบน คอมพิวเตอร์ เมื่อต้องการใช้งาน ก็เพียงแค่ใช้งาน ผ่าน web browser เท่านั้นเองครับ
หากคุณเป็นคนที่ชอบถ่ายรูปจากกล้องดิจิตอล และเก็บรูปภาพ ไว้บน คอมพิวเตอร์ จำนวนมาก และต้องการตกแต่งรูปภาพ ไม่ว่าจะเป็นการ crop, rotate, เพิ่มแสงสว่าง, เพิ่มข้อความลงบนรูปภาพ, การเปลี่ยนสีรูปภาพ ฯลฯ ขอแนะนำให้เข้าไปเลือกใช้ โปรแกรม แต่งรูปภาพ ยอดนิยม จำนวน 6 โปรแกรม ที่ผมจะแนะนำให้ ต่อไปนี้ได้เลยครับ

6 ฟรี โปรแกรม แต่งรูปภาพ ออนไลน์

1. Pixlr

หากคุณเคยใช้ Pixlr บน android หรือ iPhone จะคุ้นเคยดีกับ เครื่องมือตกแต่งรูปภาพ ตัวนี้ แต่สำหรับ Pixlr แบบ online application นั้น จะมีให้เลือกหลายแบบด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น Pixlr editor (advanced) ซึ่งเป็น โปรแกรมคล้ายกับ Photoshop มีเครื่องมือให้เลือกใช้อย่างครบครัน, Pixlr Express จะมี filter, frames, effects แบบง่ายๆ ให้เลือกใช้ และสุดท้าย Pixlr-o-matic เครื่องมือ แต่งรูปภาพ ในสไตล์ย้อนยุค vintage retro 
คนสามารถใช้ รูปภาพ จาก คอมพิวเตอร์, Url หรือ แม้กระทั่งจาก Facebook ครับ
โปรแกรม แต่งรูปภาพ ออนไลน์
Sumopaint มีให้เลือกทั้งแบบ online application และ ดาวน์โหลด โปรแกรมมาใช้ฟรี บน คอมพิวเตอร์ Windows ถูกออกแบบออกมาให้มีความคล้ายกับ Photoshop เป็นอย่างมาก มี เครื่องมือในการตกแต่งรูปภาพ ตั้งแต่ระดับพื้นฐาน ไปจนถึงขึ้น advanced คุณไม่จำเป็นต้องซื้อเวอร์ชั่นโปร มาใช้งาน ก็มีเครื่องมือให้พร้อมแล้วในเวอร์ชั่นฟรี ครับ

แต่งรูปภาพออนไลน์
หากคุณกำลังมองหา โปรแกรม แต่งรูปภาพ ที่มีความง่ายในการใช้งาน และสามารถทำให้รูปภาพของคุณ มีสีสันที่สวย สดใส อย่างรวดเร็วมากที่สุด ก่อนที่จะโพสต์ลงไปบน social network ผมขอแนะนำให้ใช้ Picmonkey เลยครับ 
เพราะคุณจะสามารถใช้งาน เครื่องมือพื้นฐานอย่าง crop, resize, rotate, sharpen, exposure, colors ได้ และยังมี effects, filter สวยๆ ให้ได้เลือกใช้กับรูปภาพคุณได้โดยอัตโนมัติ แบบไม่ต้องไปกำหนดการตั้งค่าเอง นอกจากนี้แล้วยังมี เครื่องมืออย่าง borders, textures, frames ให้อีกด้วยครับ
Picmonkey เป็น online application ที่ผมใช้บ่อยมากที่สุด สำหรับ แต่งรูปภาพ ของผม ครับ
โปรแกรม แต่งรูปภาพ ออนไลน์
Picfull เป็น โปรแกรม ที่มีจุดเด่น ในเรื่อง ความง่ายในการใช้งาน มี effects สำหรับตกแต่ง รูปภาพ ให้ใช้งานประมาณ 20 ชนิด เช่น vintage, Old colored, Sepia ฯลฯ หากต้องการเครื่องมือที่ง่ายๆ Picfull น่าจะเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ดี ครับ
5. Fotor 
แต่งรูปภาพ ออนไลน์
Fotor มีเครื่องมือ ทีคล้ายคลึง กับ Picmonkey เป็นอย่างมาก แต่หน้า User interface อาจจะดูแตกต่างกันไปอยู่บ้าง มีเครื่องมือให้เลือกใช้งาน หลักๆ อยู่ ดังนี้ครับ basic, effects, frames, text และ clip art ครับ 
นอกจากนี้แล้ว ยังมีเครื่องมือที่น่าสนใจอีก 2 อย่าง บนเว็บไซต์ ก็คือ การสร้าง photo collage และ การสร้าง card ประเภทต่างๆ ด้วยครับ
แต่งรูปภาพออนไลน์
Splashup เป็นเครื่องมือทางเลือกอีกตัวหนึ่ง สำหรับ คนที่ต้องการ ตกแต่งภาพ หรือแก้ไขรูปภาพ ในสไตล์ Photoshop คุณสามารถใช้รูปภาพได้จาก คอมพิวเตอร์, Facebook, Picasa, Flickr, Photobucket ฯลฯ
หากให้ผมแนะนำว่าควรจะเลือกใช้ โปรแกรมแต่งรูปภาพ ออนไลน์ ตัวไหนดี ผมขอแนะนำ Picmonkey ครับ ใช้งานง่าย และตกแต่งรูปภาพ ออกมาได้สวยมากๆ ครับ


-------------------------
ที่มา - www.it-computertips.com



วิธีสร้างบล็อกภาษาไทย Blogger


หวัดดีครับ ห่างหายไปนานเลยครับวันนี้กลับมาพร้อมเทคนิคดีๆในการสร้างบล็อกของเราให้มีชื่อภาษาไทยนะครับ

เพียงสองขั้นตอนง่ายมากๆครับ ทำตามกันเลยครับ

1.พิมพ์ชื่อบล็อกที่้ราต้องการจะตั้งชื่อขึ้นมาครับ  แล้วตามด้วย .blogspot.com แล้วกด Enter เลยครับ



2.จากนั้นกดที่ "ลงทะเบียนเลยครับบ"








วันพุธที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2557

ช่อง 7



E-mail Newsletter

Sign up now to receive breaking news and to hear what's new with us.

Recent Articles

TOP